วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แกลลอรี่

...

การปลูกต้นไม้

5. การปลูก







1.     ต้นไม้ที่นำมาปลูกส่วนใหญ่มักจะบรรจุในถุงพลาสติกให้ใช้มีดกรีดถุงออก ควรระวังคือ อย่าให้รากของต้นไม้ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก เสร็จแล้ววางต้นไม้ลงในหลุมที่ขุดให้ระดับรอยต่อระหว่างลำต้นกับรากอยู่เสมอกับระดับขอบหลุม แล้วกลบหลุมด้วยดินผสมที่เตรียมไว้สำหรับปลูกหรือใช้ดินที่ขุดขึ้นจากหลุมที่เป็นดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยดี อย่าใช้ดินเหนียวที่แน่นหรือดินที่มีกรวดหินมาก ๆ กลบหลุม เพราะจะเป็นปัญหาทำให้รากต้นไม้เจริญเติบโตได้ไม่ดี เมื่อกลบหลุมเสร็จแล้วใช้เท้าเหยียบดินให้แน่นพอประมาณ นำเศษใบไม้หญ้าหรือฟางมาคลุมรอบโคนต้นเพื่อรักษาความชื้นและป้องกันการกัดเซาะของน้ำในขณะรดน้ำต้นไม้ หาไม้หลักซึ่งมีความสูงมากกว่าต้นไม้พอประมาณมาปักข้าง ๆ ผูกเชือกยึดกับต้นไม้อย่างหลวม ๆ เพื่อช่วยในการทรงตัวของต้นไม้และป้องกันลมพัดโยก เมื่อปลูกเสร็จรดน้ำให้ชุ่มและถ้าเป็นไปได้ควรรดน้ำวันละครั้ง จนต้นไม้ตั้งตัวได้ กรณีที่ปลูกเป็นพื้นที่มากๆ ควรปลูกในช่วงฤดูฝน ขณะฝนตกหรือหลังฝนตกใหม่ ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการรดน้ำต้นไม้ ภายหลังการปลูกต้นไม้โดยปกติควรรดน้ำติดต่อกันทุกวันในเวลาเย็นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ตลอด 1 สัปดาห์ การรดน้ำควรรดน้ำให้ชุ่ม ถ้าต้องการทราบว่าได้รดน้ำเพียงพอแล้วหรือไม่ ให้ทดลองขุดดินดูว่าน้ำซึมลง
2.   ไปถึงบริเวณรากต้นไม้หรือยัง ถ้ารดน้ำน้อยไปน้ำจะซึมลงไปไม่ถึงบริเวณรากต้นไม้ การพรวนดินใส่ปุ๋ยและการกำจัดวัชพืช วัชพืชเป็นตัวการที่ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตช้า ควรมีการกำจัดวัชพืชโดยการถากถาง และพรวนดินรอบโคนต้นไม้ในรัศมี 1 เมตร ปีละ 2 ครั้ง ในขณะพรวนดินถ้ามีปุ๋ยวิทยาศาสตร์จะโรยรอบ ๆ โคนต้นประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ แล้วรดน้ำหรือใส่ปุ๋ยคอกเพิ่มเติมก็ได้







6.  การดูแลบำรุงรักษา

        
หลังจากได้ปลูกต้นไม้แล้วผู้ปลูกควรคำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดกับต้นไม้ในระยะเริ่มแรกที่มีขนาด
เล็กยังตั้งตัวไม่ได้ เช่น อันตรายจากสัตว์เลี้ยง ยานพาหนะต่าง ๆ หากปลูกจำนวนน้อยอาจทำคอกป้องกัน
หรืออาจทำรั้วกั้นเป็นแนวไว้ได้ สำหรับต้นไม้บางชนิดที่ต้องการความเอาใจใส่มากตั้งตัวได้ยากควรจะมีการ
บังแดดให้ในระยะที่ตั้งตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้ให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีจำเป็นต้องได้รับการ
เอาใจใส่ดูแลบำรุงรักษาที่ดีจากผู้ปลูกมากพอสมควร




ที่มา http://www.forest.go.th/nursery/index.php?option=com_content&view=article&id=312&Itemid=415&lang=th


การเตรียมพื้นที่ปลุก




ปัจจัยแรกเกี่ยวกับลักษณะของดิน ผู้ปลูกควรพิจารณาสภาพของดินว่ามีความอุดมสมบูรณ์หรือลักษณะดินเป็นดินประเภทใดมีสภาพความเป็นกรดหรือเป็นด่างอย่างไร เป็นดินเหนียว ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำได้ดีหรือไม่เพียงใด พื้นที่เป็นที่ราบลุ่มหรือมีความลาดเอียงใกล้ไกลแหล่งน้ำเหมาะสมกับพันธุ์ไม้ชนิดใดนอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศประกอบอีกด้วย ประการต่อมาต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมพื้นที่ที่จะกำหนดปลูกว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ต้องให้มีความปลอดภัยกับต้นไม้ 





การจัดหากล้าไม้ ประสานงานกับกรมป่าไม้ หรือหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ เพื่อขอรับกล้าไม้

3. การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของการปลูกต้นไม้ และจะให้ได้ผลดีจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าพอสมควร ปรับระดับพื้นที่ให้ได้ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
 
ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ว่าดินจะเป็นดินชนิดใดหรือมีทำเลเป็นอย่างไร จะต้องทำการขุดหลุมดังนี้











4. จัดหาอุปกรณ์และเตรียมวัสดุสำหรับใช้ปลูกต้นไม้
1. อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ในการปลูกต้นไม้ ควรจัดหาและเตรียมให้พร้อมเพื่อความสะดวกในการปลูกต้นไม้มีจอบเสียมพลั่วตักดิน บุ้งกี๋ตลอดจนยานพาหนะลำเลียงขนส่งกล้าไม้ไปยังจุดที่เตรียมหลุปลูก
2. หน้าดินผสมสำหรับกลบหลุมปลูก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สำหรับรองก้นหลุม ตลอดจนสารอุ้มน้ำและใช้ในกรณีปลูกก่อนหรือหลังฤดูฝน
3. หลักค้ำยัน ยึดต้นไม้ กันลมพัดโยกและช่วยในการทรงตัวของต้นไม้ให้ตั้งตรง เชือกสำหรับผูกยึดต้นไม้กับหลัก







วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้


การปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้


1. กำหนดวัตถุประสงค์ที่จะปลูก
 
 
 
 
ข้อคำนึงถึงเบื้องต้น


ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการปลูกเป็นดินเหนียวจัด ควรเอาน้ำรดให้ชุ่มเสียก่อนเพื่อให้ขุดง่ายเบาแรงขึ้นดินที่ขุดขึ้นควรใช้ปูนขาว หรือ สารเคมีปรับปรุงดินบางชนิด เช่น โดโรไมค์ ผสมกับทรายและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้ากับเนื้อดินตากแดดทิ้งไว้นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ รดน้ำเป็นระยะพร้อมกับพรวนดินตามสมควร จะทำให้ดินร่วนและดีขึ้น สำหรับพื้นที่ที่ดินเป็นดินปนทรายมากการปรับปรุงดินจำเป็นต้องใส่ปูนขาวและปุ๋ยคอก เพื่อทำให้ดินจับเป็นก้อนแน่นอุ้มน้ำและมีอาหารพืชมากขึ้น
2. สำรวจพื้นที่เพื่อกำหนดเป็นที่ปลูก และคัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ที่จะปลูก รวมทั้งจัดหากล้าไม้
การกำหนดพื้นที่ปลูก

เมื่อผู้ปลูกได้ตัดสินใจกำหนดวัตถุประสงค์ของการปลูกต้นไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องกระทำต่อไปคือ การกำหนดพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับชนิดพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูก หากเลือกพื้นที่ปลูกไม่สอดคล้องกับชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูกจะทำให้ได้ประโยชน์ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการพิจารณาดังนี้






 

ม่ะม่วงแช่อิ่ม



วิธีการถนอมอาหารที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเช่น

การถนอมอาหารด้วยการแช่อิ่มเป็นการถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาลปริมาณมาก คือ นำอาหารมาแช่ในน้ำเชื่อมและเปลี่ยนเพิ่มความเข้มข้นจนถึงจุดอิ่มตัวแล้วนำมาทำแห้ง

ประโยชน์ของการแช่อิ่ม
           1.  ช่วยให้เก็บอาหารได้นาน
           2.  ช่วยให้ได้อาหารที่แตกต่างไปจากอาหารสด
           3.  ช่วยเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว






มะม่วงแช่อิ่ม
 การแช่อิ่มมะม่วง เป็นการนำอาหารมาแช่ในน้ำเชื่อมเข้มข้น เพื่อให้น้ำตาลซึมเข้าไปในอาหารจนอิ่มตัว

เครื่องมือและอุปกรณ์
 อุปกรณ์ที่ใช้ในการชั่งตวง –   ถ้วยตวง  ตาชั่ง  ช้อนตวง
 อุปกรณ์ที่ใช้ในการถนอมอาหาร – กะละมัง  มีดปอก มีดหั่น  เขียง ถาดโปร่ง  กระชอน  ผ้าขาวบาง  ขวดโหล

ส่วนผสม
        มะม่วงดิบ                 1       กิโลกรัม
        น้ำตาลทราย              6       ถ้วยตวง
        น้ำเกลือ (เกลือ 200 กรัม)   น้ำ 8 ถ้วยตวง     
        น้ำปูนใส
        น้ำ


วิธีทำ

1.ปอกเปือกมะม่วงล้างให้สะอาดหั่นมะม่วงเป็นชิ้น แช่ในน้ำเกลือ1วัน
2.แช่ในน้ำปูนใส 1 ชั่วโมง ล้างให้สะอาดและผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
3.ผสมน้ำตาล 5ถ้วยตวงกับน้ำ 8 ถ้วยตวงต้มให้เดือดกรองแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
4.แช่มะม่วงในในน้ำเชื่อม 1 คืน แล้วทำการแช่อิ่มโดยการอุ่นน้ำเชื่อมและเติมน้ำตาล 

ที่มา  http://cooking.kapook.com/view87454.html



การเตรียมวัตถุดิบ

การเตรียมวัตถุดิบที่นำมาถนอมอาหาร มีวิธีการเตรียม ดังนี้



 
1. คัดเลือกสิ่งที่ปนเปื้อนมากับวัตถุดิบที่ต้องการถนอมอาหารออกหากเป็นผักหรือผลไม้ให้ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก   
         
2. ล้างให้สะอาดเพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่ติดมากับวัตถุดิบให้ออกจากผิวของอาหาร  การทำความสะอาดจะเป็นการช่วยลดภาวะการเน่าเสียให้ช้าลง
         
3. คัดเลือกขนาดและคุณภาพของวัตถุดิบ เช่น การคัดเลือกขนาด รูปร่าง น้ำหนัก ลักษณะสีผิว เป็นต้น จะทำให้การถนอมอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
   - การกวน ควรเลือกผักผลไม้ที่มีเนื้อเยื่อมาก เช่น ฟักทอง เผือก มันเทศ ฯลฯ ควรเป็นผลไม้ที่แก่จัดสุกงอบเนื้อนิ่ม
   - การแช่อิ่ม ควรนำผลไม่ที่สดใหม่และมีรสเปรี้ยวมาใช้ในการแช่อิ่ม
   - การดอง สดไม่ช้ำและมีขนาดเท่ากัน
         
4. การปอกเปลือกจำเป็นสำหรับผัก และผลไม้บางชนิดที่เปลือกไม่สามารถบริโภคได้ จะต้องทำให้สะอาด และกระทบกระเทือนต่อวัตถุดิบน้อยที่สุด



การถนอมอาหาร (food preservation)



การถนอมอาหาร (food preservation)


คือ วิธีการปฏิบัติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร
ชะลอการเสื่อมเสียของอาหาร (
food spoilage) จากสาเหตุต่างๆ ทั้งด้าน จุลินทรีย์ เคมี และทางกายภาพ
โดยการถนอมอาหารจะเน้นการรักษาคุณภาพด้านต่างๆของอาหาร ทั้งทางด้านรสชาด คุณค่าทาง
โภชนาการให้เป็นที่ยอมรับ และทำให้อาหารปลอดภัย (
food safety) ต่อการบริโภค


การถนอมอาหารมีหลายวิธี  โดยมีหลักการควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ 4 ประการ คือ

1.  การทำลายจุลินทรีย์ด้วยความร้อน ได้แก่ การพาสเจอร์ไรส์ คือการทำลายจุลินทรีย์เพียงบางส่วนด้วยการใช้ความร้อนต่ำ แต่ถ้าหากจะทำลายจุลินทรีย์ในอาหารได้ทั้งหมดต้องใช้ความร้อนสูง
         
             
        2.การควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ด้วยการใช้อุณหภูมิต่ำหรือการใช้สารเคมี เช่น การใช้เกลือเป็นสารถนอมอาหาร การรมควัน รวมทั้งการหมักดองที่ให้กรดแลคติคหรือแอลกอฮอล์  
       





3. การกำจัดน้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของจุลินทรีย์ การกำจัดน้ำ   เช่น  การแช่แข็ง  เมื่อน้ำเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำแข็ง  จุลินทรีย์จึงไม่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำได ้ การทำเค็มก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน ปริมาณน้ำในอากาศลดลง  เพราะเกลือทำให้เกิดการออสโมซิส  น้ำจึงไหลออกจากอาหาร ซึ่งมีความเข้มข้นของสารละลายน้อยกว่ามายังภายนอกที่มีความเข้มข้นมากกว่า
          

  4. การใช้สารเคมีหรือสารเจือปนในอาหาร  มีบทบาทสำคัญในการถนอมอาหาร  โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิ   และความชื้นสูง อาหารจะเสียเร็ว จุลินทรีย์เติบโตได้ง่าย แต่การใช้สารเคมีมากเกินไปอาจเป็นโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้น การใช้สารเคมีชนิดใด มากน้อยเพียงใด   ควรพิจารณาทั้งประโยชน์ของสารเคมีที่จะใช้เสียก่อน และควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นและในปริมาณที่พอเหมาะ






เครื่องเรือนกระจก-พลาสติก

เครื่องเรือนที่เป็นแก้วหรือกระจก





เครื่องเรือนเครื่องใช้ในบ้านที่เป็นแก้วหรือกระจกมีมากมายหลายชนิด 
รูปทรงต่างๆจาน  ชาม  ถ้วย  ถาด  กระจกเงา  โต๊ะกระจก  แจกัน  โคมไฟแขวนประดับ  เป็นต้น  ซึ่งอาจทำจากแก้วเรียบ ๆ ธรรมดา  หรือมีการแกะสลัก  เจียระไนระบายสีให้เกิดลวดลายที่งดงามก็ได้  เครื่องแก้วเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ดี  คือ  ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย  แต่มีข้อเสีย  คือ  มีความเปราะบาง  แตกหักง่าย  ดังนั้นจึงต้องรู้จักใช้และระวังรักษาไม่ให้เกิดรอยร้าว  เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนาน
เมื่อล้างเครื่องแก้วสะอาดดีแล้ว  ควรเก็บใส่กล่อง ใช้กระดาษหรือเศษผ้าวางคั่นทีละใบกันกระแทก  ถ้าเป็นแก้วไม่ควรวางซ้อนกัน  จะดึงออกยาก  และทำให้แตกได้



เครื่องเรือนที่ทำด้วยพลาสติก






พลาสติก     ในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น  เพราะพลาสติกมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ  ได้แก่  มีความเหนียว  ทนทาน  แข็งแรง  น้ำหนักเบา  เคลื่อนย้ายได้สะดวก  และสามารถนำไปหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้  เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติก  เช่น  จาน  ชาม  เก้าอี้  และถุงชนิดต่าง ๆ เป็นต้น

*  สิ่งที่ควรปฏิบัติในการใช้เครื่องใช้พลาสติก *

1.       ควรเลือกเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติกใสหรือขาวเพื่อความปลอดภัยจากสีที่เจือปน

2.       ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารที่ร้อนจัดเพราะพลาสติกไม่ทนต่อความร้อน  อาจเกิดการสลายตัวปะปนเข้าไปในอาหาร

3.       ไม่วางเครื่องใช้พลาสติกไว้ใกล้เตาไฟ หรือแหล่งความร้อนอื่น  เพราะจะทำให้เกิดการหลอมละลายเสียหาย

วิธีดูแลรักษา

1.       ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกใส่ของร้อนจัดจนเกินไป  เพราะพลาสติกอาจละลายเสียรูปทรง และเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมี

2.       พลาสติกที่มีส่วนผสมของสารโพลีไวนีลคลอไรด์ หรือ พีวีซีใช้ทำขวดหรือของเด็กเล่น  เป็นต้น  อาจเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมีที่ไม่ควรนำมาใช้บรรจุของเหลวร้อน

3.       การล้างทำความสะอาดพลาสติกประเภทเมลามีน  ใช้ล้างด้วยน้ำสบู่  หรือน้ำผงซักฟอก  เช็ดให้แห้ง เก็บเข้าที่

4.       ถ้าภาชนะเปื้อนไขมันคราบไคลต่าง ๆ ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น อย่าใช้ฝอยขัดหม้อที่เป็นโลหะขัด เพราะจะทำให้เป็นรอยขูดขีด

5.       ถ้ามีกลิ่นอาหารให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชู  หรือใช้เปลือกมะนาวถู  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด



การเก็บรักษา   

เครื่องใช้พลาสติกที่ทำความสะอาดแล้ว วางซ้อนเก็บในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้  ส่วนเครื่องเรือนวางตั้งในห้องต่าง ๆ ใช้ผ้าคลุมป้องกันฝุ่นละอองหรือเก็บในห้องเก็บของ


ที่มาhttp://group.wunjun.com/krooboonsongs/topic/13947-348



เครื่องเรือนโลหะ

เครื่องเรือนที่ทำด้วยโลหะ





·       ใช้งานให้เหมาะสมกับประเภทของเครื่องมือ  เช่น  มีดสำหรับสับเนื้อ  ไม่ควรนำไปฟันไม้  เป็นต้น

·       หลังจากใช้แล้วรีบทำความสะอาดทันที  โดยใช้น้ำสบู่ล้างออกจนสะอาด  หากสกปรกมากให้ใช้ฝอยขัดหรือแปรงขัด  แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด  เช็ดให้แห้ง

·       ควรทาน้ำมันเคลือบเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันสนิม

·       อย่าปล่อยให้เครื่องใช้ที่เป็นเหล็กถูกน้ำนาน ๆ หรือแช่น้ำนาน ๆ เพราะจะทำให้เป็นสนิม  ถ้ามีสนิมขึ้น  ให้ใช้ฝอยขัดสนิมให้หมด  เช็ดให้แห้ง  ใช้น้ำมันทากันสนิม แล้วเก็บเข้าที่




การเก็บรักษา

          
เครื่องใช้ที่ทำด้วยเหล็ก  เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่ซอง  ปลอก  หรือเก็บไว้ในตู้ที่มิดชิด  ไม่วางไว้ในที่ลมพัดผ่าน  เพราะความชื้นจะทำให้เกิดสนิม




2.  เครื่องเงิน      เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่ทำด้วยโลหะเงิน  เช่น  ชุดน้ำชา  ขันเงิน  พาน  โดยธรรมชาติของเครื่องเงิน  ถ้าถูกอากาศจะเกิดปฏิกิริยา  ทำให้เครื่องเงินหมองคล้ำ  การดูแลรักษาควรปฏิบัติ  ดังนี้








·       ใช้แล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกทันที


·       ล้างด้วยน้ำยาขัดเงินโดยเฉพาะ  หรือน้ำมะนาวผสมสบู่  ขัดให้สะอาด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

·       ใช้น้ำอุ่นผสมสบู่ล้าง  แล้วขัดให้สะอาด

·       ห้ามใช้ใยขัดโลหะ  หรือฝอยขัดหม้อขัดเครื่องเงิน  เพราะอาจทำให้เป็นรอยขีดข่วน  และสึกหรอได้


การเก็บรักษา

               เครื่องเงินที่นำมาใช้ เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่ถุง  ใส่กล่อง  แล้วนำเก็บเข้าตู้ไม่ให้ถูกอากาศ


              3.  อะลูมิเนียม          เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักเบา  ไม่เป็นสนิม  จัดทำรูปทรงต่าง ๆ ได้ง่าย  มักนำมาทำภาชนะเครื่องใช้  เช่น  หม้อ  กระทะ  ทัพพี  ถาด  ขันน้ำ  มีวิธีดูแลรักษาดังนี้







·       ใช้ฝอยขัดหม้อหรือแผ่นขัด  ขัดให้สะอาด  แล้วล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ ห้ามใช้สารเคมีที่เป็นกรดอย่างเข้มข้นขัด


·       รอยไหม้บนอะลูมิเนียม  ห้ามใช้ไม้หรือเหล็กแคะ  ให้ต้มด้วยน้ำผสมเกลือให้เดือด  รอยไหม้จะกะเทาะออกไปเอง  หรือใช้ฝอยขัดหม้อขัด  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด


การเก็บรักษา

เมื่อทำความสะอาดแล้ว  ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง  เก็บไว้ในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้

4.  เครื่องแสตนเลส            มีคุณสมบัติพิเศษ  คือ  ทนความร้อนได้ดี  ทนทานต่อความกัดกร่อน  สามารถทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้สะดวก  ไม่เป็นสนิม  และดูแลรักษาง่าย  นิยมใช้ทำภาชนะหุงต้ม  ภาชนะในการรับประทานอาหาร  อุปกรณ์ทำความสะอาด  เช่น  อ่างล้างชาม  เป็นต้น







วิธีดูแลรักษา        ใช้ฟองน้ำชุบน้ำผสมผงซักฟอก  หรือ  น้ำยาล้างจานขัดถูให้สะอาดคว่ำไว้  แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง

การเก็บรักษา
เมื่อทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งแล้ว  นำไปเก็บไว้ในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้



การใช้และการดูแลรักษาเครื่องเรื่อน



การใช้และการดูแลรักษาเครื่องเรือน





เครื่องเรือนเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ช่วยตกแต่งภายในบ้านให้สวยงาม  เช่น  โต๊ะ  เก้าอี้  ชุดรับแขก  เป็นต้น  ในการทำความสะอาดเครื่องเรือนระวังอย่าให้เกิดรอยขีดข่วน  ดังนั้นในการปัดฝุ่นควรใช้ไม้กวาดขนไก่หรือผ้านุ่ม  และถ้าจะต้องล้างหรือขัดสิ่งสกปรกไม่ควรใช้ฝอยขัด  ดังนั้น  เพื่อให้อายุการใช้งานของเครื่องเรือนได้ยาวนาน  ควรดูแลรักษาให้ถูกวิธีตามลักษณะและชนิดของวัสดุ 




 
เครื่องเรือนที่ทำด้วยไม้











วิธีดูแลรักษา


                                                                               


                                ใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออกให้หมด  ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูที่สะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด  เช็ดฝุ่นให้สะอาดทุกซอกทุกมุม  ทิ้งให้แห้ง  หากมีรอยเปื้อนมาก ๆ ขัดออกด้วยกระดาษทราย ทาขี้ผึ้งแล้วขัดด้วยผ้าแห้ง  หรือใช้น้ำยาชักเงาที่ขายสำเร็จรูปฉีดแล้วทิ้งให้แห้ง  ไม่ควรให้เปียกน้ำ



               
                               
                                เครื่องเรือนที่ทำจากไม้  เมื่อทำความสะอาดแล้วควรผึ่งให้แห้งสนิทเสียก่อน  แล้วจึงนำมาเก็บหรือตั้งไว้ในที่แห้ง  ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นสูง  เพราะจะทำให้ขึ้นราได้ง่าย




เครื่องเรือนที่ทำด้วยหนัง
      


                    
      


เครื่องเรือนที่ทำจากหนังมี  2  แบบ  คือ  แบบหนังเรียบธรรมดา  และแบบหนังกลับ  ใช้ทำชุดรับแขก  กระเป๋า  รองเท้า  เข็มขัด  มีวิธีดูแลรักษาตามชนิดของเครื่องหนัง  ดังนี้


                1.  เครื่องหนังธรรมดา       ให้ทำความสะอาดด้วยการใช้แปรงอ่อน ๆ ปัดฝุ่น  หรือสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อน  แล้วใช้เศษผ้า  ฟองน้ำ  หรือแปรงขัดหนัง  ขัดให้ทั่ว  ต่อจากนั้นให้เช็ดออกด้วยผ้านุ่ม  ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วเก็บเข้าที่


                2.  หนังกลับ         ทำความสะอาดด้วยการปัดฝุ่นละออง โดยใช้แปรงปัดฝุ่นให้ชนลู่ไปทางเดียวกันเพื่อให้สวยงาม  และระวังอย่าให้ถูกความชื้นและความร้อน  เพราะจะทำให้เสียรูปทรง


การเก็บรักษา

   เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่กล่อง  ถุงผ้า  หรือเก็บไว้ในตู้