วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
การปลูกต้นไม้
5. การปลูก
6. การดูแลบำรุงรักษา
หลังจากได้ปลูกต้นไม้แล้วผู้ปลูกควรคำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดกับต้นไม้ในระยะเริ่มแรกที่มีขนาด
เล็กยังตั้งตัวไม่ได้ เช่น อันตรายจากสัตว์เลี้ยง ยานพาหนะต่าง ๆ หากปลูกจำนวนน้อยอาจทำคอกป้องกัน
หรืออาจทำรั้วกั้นเป็นแนวไว้ได้ สำหรับต้นไม้บางชนิดที่ต้องการความเอาใจใส่มากตั้งตัวได้ยากควรจะมีการ
บังแดดให้ในระยะที่ตั้งตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้ให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีจำเป็นต้องได้รับการ
ที่มา http://www.forest.go.th/nursery/index.php?option=com_content&view=article&id=312&Itemid=415&lang=th
1.
ต้นไม้ที่นำมาปลูกส่วนใหญ่มักจะบรรจุในถุงพลาสติกให้ใช้มีดกรีดถุงออก
ควรระวังคือ อย่าให้รากของต้นไม้ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก
เสร็จแล้ววางต้นไม้ลงในหลุมที่ขุดให้ระดับรอยต่อระหว่างลำต้นกับรากอยู่เสมอกับระดับขอบหลุม
แล้วกลบหลุมด้วยดินผสมที่เตรียมไว้สำหรับปลูกหรือใช้ดินที่ขุดขึ้นจากหลุมที่เป็นดินร่วนปนทราย
หรือดินที่มีความร่วนซุยดี อย่าใช้ดินเหนียวที่แน่นหรือดินที่มีกรวดหินมาก ๆ
กลบหลุม เพราะจะเป็นปัญหาทำให้รากต้นไม้เจริญเติบโตได้ไม่ดี
เมื่อกลบหลุมเสร็จแล้วใช้เท้าเหยียบดินให้แน่นพอประมาณ นำเศษใบไม้หญ้าหรือฟางมาคลุมรอบโคนต้นเพื่อรักษาความชื้นและป้องกันการกัดเซาะของน้ำในขณะรดน้ำต้นไม้
หาไม้หลักซึ่งมีความสูงมากกว่าต้นไม้พอประมาณมาปักข้าง ๆ
ผูกเชือกยึดกับต้นไม้อย่างหลวม ๆ เพื่อช่วยในการทรงตัวของต้นไม้และป้องกันลมพัดโยก
เมื่อปลูกเสร็จรดน้ำให้ชุ่มและถ้าเป็นไปได้ควรรดน้ำวันละครั้ง จนต้นไม้ตั้งตัวได้
กรณีที่ปลูกเป็นพื้นที่มากๆ ควรปลูกในช่วงฤดูฝน ขณะฝนตกหรือหลังฝนตกใหม่ ๆ
เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการรดน้ำต้นไม้
ภายหลังการปลูกต้นไม้โดยปกติควรรดน้ำติดต่อกันทุกวันในเวลาเย็นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ตลอด 1 สัปดาห์ การรดน้ำควรรดน้ำให้ชุ่ม
ถ้าต้องการทราบว่าได้รดน้ำเพียงพอแล้วหรือไม่ ให้ทดลองขุดดินดูว่าน้ำซึมลง
2.
ไปถึงบริเวณรากต้นไม้หรือยัง
ถ้ารดน้ำน้อยไปน้ำจะซึมลงไปไม่ถึงบริเวณรากต้นไม้
การพรวนดินใส่ปุ๋ยและการกำจัดวัชพืช วัชพืชเป็นตัวการที่ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตช้า
ควรมีการกำจัดวัชพืชโดยการถากถาง และพรวนดินรอบโคนต้นไม้ในรัศมี 1 เมตร ปีละ 2
ครั้ง ในขณะพรวนดินถ้ามีปุ๋ยวิทยาศาสตร์จะโรยรอบ ๆ โคนต้นประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
แล้วรดน้ำหรือใส่ปุ๋ยคอกเพิ่มเติมก็ได้
6. การดูแลบำรุงรักษา
หลังจากได้ปลูกต้นไม้แล้วผู้ปลูกควรคำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดกับต้นไม้ในระยะเริ่มแรกที่มีขนาด
เล็กยังตั้งตัวไม่ได้ เช่น อันตรายจากสัตว์เลี้ยง ยานพาหนะต่าง ๆ หากปลูกจำนวนน้อยอาจทำคอกป้องกัน
หรืออาจทำรั้วกั้นเป็นแนวไว้ได้ สำหรับต้นไม้บางชนิดที่ต้องการความเอาใจใส่มากตั้งตัวได้ยากควรจะมีการ
บังแดดให้ในระยะที่ตั้งตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้ให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีจำเป็นต้องได้รับการ
เอาใจใส่ดูแลบำรุงรักษาที่ดีจากผู้ปลูกมากพอสมควร
ที่มา http://www.forest.go.th/nursery/index.php?option=com_content&view=article&id=312&Itemid=415&lang=th
การเตรียมพื้นที่ปลุก
ปัจจัยแรกเกี่ยวกับลักษณะของดิน
ผู้ปลูกควรพิจารณาสภาพของดินว่ามีความอุดมสมบูรณ์หรือลักษณะดินเป็นดินประเภทใดมีสภาพความเป็นกรดหรือเป็นด่างอย่างไร เป็นดินเหนียว ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย
มีการระบายน้ำได้ดีหรือไม่เพียงใด พื้นที่เป็นที่ราบลุ่มหรือมีความลาดเอียงใกล้ไกลแหล่งน้ำเหมาะสมกับพันธุ์ไม้ชนิดใดนอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศประกอบอีกด้วย ประการต่อมาต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมพื้นที่ที่จะกำหนดปลูกว่ามีสภาพเป็นอย่างไร
ต้องให้มีความปลอดภัยกับต้นไม้
การจัดหากล้าไม้ ประสานงานกับกรมป่าไม้
หรือหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ เพื่อขอรับกล้าไม้
3. การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของการปลูกต้นไม้ และจะให้ได้ผลดีจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าพอสมควร ปรับระดับพื้นที่ให้ได้ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ว่าดินจะเป็นดินชนิดใดหรือมีทำเลเป็นอย่างไร จะต้องทำการขุดหลุมดังนี้
3. การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของการปลูกต้นไม้ และจะให้ได้ผลดีจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าพอสมควร ปรับระดับพื้นที่ให้ได้ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ว่าดินจะเป็นดินชนิดใดหรือมีทำเลเป็นอย่างไร จะต้องทำการขุดหลุมดังนี้
4.
จัดหาอุปกรณ์และเตรียมวัสดุสำหรับใช้ปลูกต้นไม้
1. อุปกรณ์เครื่องมือ
เครื่องใช้ในการปลูกต้นไม้ ควรจัดหาและเตรียมให้พร้อมเพื่อความสะดวกในการปลูกต้นไม้มีจอบเสียมพลั่วตักดิน บุ้งกี๋ตลอดจนยานพาหนะลำเลียงขนส่งกล้าไม้ไปยังจุดที่เตรียมหลุปลูก
2. หน้าดินผสมสำหรับกลบหลุมปลูก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สำหรับรองก้นหลุม ตลอดจนสารอุ้มน้ำและใช้ในกรณีปลูกก่อนหรือหลังฤดูฝน
3. หลักค้ำยัน ยึดต้นไม้ กันลมพัดโยกและช่วยในการทรงตัวของต้นไม้ให้ตั้งตรง เชือกสำหรับผูกยึดต้นไม้กับหลัก
2. หน้าดินผสมสำหรับกลบหลุมปลูก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สำหรับรองก้นหลุม ตลอดจนสารอุ้มน้ำและใช้ในกรณีปลูกก่อนหรือหลังฤดูฝน
3. หลักค้ำยัน ยึดต้นไม้ กันลมพัดโยกและช่วยในการทรงตัวของต้นไม้ให้ตั้งตรง เชือกสำหรับผูกยึดต้นไม้กับหลัก
วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
การปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้
การปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้
1. กำหนดวัตถุประสงค์ที่จะปลูก
ข้อคำนึงถึงเบื้องต้น
ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการปลูกเป็นดินเหนียวจัด ควรเอาน้ำรดให้ชุ่มเสียก่อนเพื่อให้ขุดง่ายเบาแรงขึ้นดินที่ขุดขึ้นควรใช้ปูนขาว หรือ สารเคมีปรับปรุงดินบางชนิด เช่น โดโรไมค์ ผสมกับทรายและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้ากับเนื้อดินตากแดดทิ้งไว้นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ รดน้ำเป็นระยะพร้อมกับพรวนดินตามสมควร จะทำให้ดินร่วนและดีขึ้น สำหรับพื้นที่ที่ดินเป็นดินปนทรายมากการปรับปรุงดินจำเป็นต้องใส่ปูนขาวและปุ๋ยคอก เพื่อทำให้ดินจับเป็นก้อนแน่นอุ้มน้ำและมีอาหารพืชมากขึ้น
2. สำรวจพื้นที่เพื่อกำหนดเป็นที่ปลูก
และคัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ที่จะปลูก รวมทั้งจัดหากล้าไม้
การกำหนดพื้นที่ปลูก
เมื่อผู้ปลูกได้ตัดสินใจกำหนดวัตถุประสงค์ของการปลูกต้นไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องกระทำต่อไปคือ การกำหนดพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับชนิดพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูก หากเลือกพื้นที่ปลูกไม่สอดคล้องกับชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูกจะทำให้ได้ประโยชน์ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการพิจารณาดังนี้
เมื่อผู้ปลูกได้ตัดสินใจกำหนดวัตถุประสงค์ของการปลูกต้นไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องกระทำต่อไปคือ การกำหนดพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับชนิดพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูก หากเลือกพื้นที่ปลูกไม่สอดคล้องกับชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูกจะทำให้ได้ประโยชน์ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการพิจารณาดังนี้
ม่ะม่วงแช่อิ่ม
วิธีการถนอมอาหารที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเช่น
การถนอมอาหารด้วยการแช่อิ่มเป็นการถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาลปริมาณมาก
คือ นำอาหารมาแช่ในน้ำเชื่อมและเปลี่ยนเพิ่มความเข้มข้นจนถึงจุดอิ่มตัวแล้วนำมาทำแห้ง
ประโยชน์ของการแช่อิ่ม
1. ช่วยให้เก็บอาหารได้นาน
2. ช่วยให้ได้อาหารที่แตกต่างไปจากอาหารสด
3. ช่วยเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
ประโยชน์ของการแช่อิ่ม
1. ช่วยให้เก็บอาหารได้นาน
2. ช่วยให้ได้อาหารที่แตกต่างไปจากอาหารสด
3. ช่วยเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
มะม่วงแช่อิ่ม
การแช่อิ่มมะม่วง เป็นการนำอาหารมาแช่ในน้ำเชื่อมเข้มข้น เพื่อให้น้ำตาลซึมเข้าไปในอาหารจนอิ่มตัว เครื่องมือและอุปกรณ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการชั่งตวง – ถ้วยตวง ตาชั่ง ช้อนตวง อุปกรณ์ที่ใช้ในการถนอมอาหาร – กะละมัง มีดปอก มีดหั่น เขียง ถาดโปร่ง กระชอน ผ้าขาวบาง ขวดโหล ส่วนผสม มะม่วงดิบ 1 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง น้ำเกลือ (เกลือ 200 กรัม) น้ำ 8 ถ้วยตวง น้ำปูนใส น้ำ |
วิธีทำ
1.ปอกเปือกมะม่วงล้างให้สะอาดหั่นมะม่วงเป็นชิ้น
แช่ในน้ำเกลือ1วัน
2.แช่ในน้ำปูนใส 1 ชั่วโมง
ล้างให้สะอาดและผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
3.ผสมน้ำตาล 5ถ้วยตวงกับน้ำ 8
ถ้วยตวงต้มให้เดือดกรองแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
4.แช่มะม่วงในในน้ำเชื่อม 1 คืน
แล้วทำการแช่อิ่มโดยการอุ่นน้ำเชื่อมและเติมน้ำตาล
การเตรียมวัตถุดิบ
การเตรียมวัตถุดิบที่นำมาถนอมอาหาร มีวิธีการเตรียม
ดังนี้
1. คัดเลือกสิ่งที่ปนเปื้อนมากับวัตถุดิบที่ต้องการถนอมอาหารออกหากเป็นผักหรือผลไม้ให้ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก
2. ล้างให้สะอาดเพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่ติดมากับวัตถุดิบให้ออกจากผิวของอาหาร การทำความสะอาดจะเป็นการช่วยลดภาวะการเน่าเสียให้ช้าลง
3.
คัดเลือกขนาดและคุณภาพของวัตถุดิบ เช่น การคัดเลือกขนาด รูปร่าง น้ำหนัก
ลักษณะสีผิว เป็นต้น จะทำให้การถนอมอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การกวน ควรเลือกผักผลไม้ที่มีเนื้อเยื่อมาก เช่น ฟักทอง เผือก มันเทศ ฯลฯ ควรเป็นผลไม้ที่แก่จัดสุกงอบเนื้อนิ่ม
- การแช่อิ่ม ควรนำผลไม่ที่สดใหม่และมีรสเปรี้ยวมาใช้ในการแช่อิ่ม
- การดอง สดไม่ช้ำและมีขนาดเท่ากัน
- การกวน ควรเลือกผักผลไม้ที่มีเนื้อเยื่อมาก เช่น ฟักทอง เผือก มันเทศ ฯลฯ ควรเป็นผลไม้ที่แก่จัดสุกงอบเนื้อนิ่ม
- การแช่อิ่ม ควรนำผลไม่ที่สดใหม่และมีรสเปรี้ยวมาใช้ในการแช่อิ่ม
- การดอง สดไม่ช้ำและมีขนาดเท่ากัน
4. การปอกเปลือกจำเป็นสำหรับผัก
และผลไม้บางชนิดที่เปลือกไม่สามารถบริโภคได้ จะต้องทำให้สะอาด
และกระทบกระเทือนต่อวัตถุดิบน้อยที่สุด
การถนอมอาหาร (food preservation)
การถนอมอาหาร (food preservation)
คือ วิธีการปฏิบัติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร
ชะลอการเสื่อมเสียของอาหาร (food spoilage) จากสาเหตุต่างๆ ทั้งด้าน จุลินทรีย์ เคมี และทางกายภาพ
โดยการถนอมอาหารจะเน้นการรักษาคุณภาพด้านต่างๆของอาหาร ทั้งทางด้านรสชาด คุณค่าทาง
โภชนาการให้เป็นที่ยอมรับ และทำให้อาหารปลอดภัย (food safety) ต่อการบริโภค
ชะลอการเสื่อมเสียของอาหาร (food spoilage) จากสาเหตุต่างๆ ทั้งด้าน จุลินทรีย์ เคมี และทางกายภาพ
โดยการถนอมอาหารจะเน้นการรักษาคุณภาพด้านต่างๆของอาหาร ทั้งทางด้านรสชาด คุณค่าทาง
โภชนาการให้เป็นที่ยอมรับ และทำให้อาหารปลอดภัย (food safety) ต่อการบริโภค
การถนอมอาหารมีหลายวิธี โดยมีหลักการควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ 4 ประการ คือ
1.
การทำลายจุลินทรีย์ด้วยความร้อน ได้แก่
การพาสเจอร์ไรส์ คือการทำลายจุลินทรีย์เพียงบางส่วนด้วยการใช้ความร้อนต่ำ แต่ถ้าหากจะทำลายจุลินทรีย์ในอาหารได้ทั้งหมดต้องใช้ความร้อนสูง
2.การควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ด้วยการใช้อุณหภูมิต่ำหรือการใช้สารเคมี เช่น การใช้เกลือเป็นสารถนอมอาหาร การรมควัน รวมทั้งการหมักดองที่ให้กรดแลคติคหรือแอลกอฮอล์
3.
การกำจัดน้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของจุลินทรีย์
การกำจัดน้ำ เช่น การแช่แข็ง เมื่อน้ำเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำแข็ง
จุลินทรีย์จึงไม่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำได ้ การทำเค็มก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน
ปริมาณน้ำในอากาศลดลง เพราะเกลือทำให้เกิดการออสโมซิส
น้ำจึงไหลออกจากอาหาร ซึ่งมีความเข้มข้นของสารละลายน้อยกว่ามายังภายนอกที่มีความเข้มข้นมากกว่า
4. การใช้สารเคมีหรือสารเจือปนในอาหาร
มีบทบาทสำคัญในการถนอมอาหาร โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิ
และความชื้นสูง อาหารจะเสียเร็ว จุลินทรีย์เติบโตได้ง่าย
แต่การใช้สารเคมีมากเกินไปอาจเป็นโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้น การใช้สารเคมีชนิดใด
มากน้อยเพียงใด ควรพิจารณาทั้งประโยชน์ของสารเคมีที่จะใช้เสียก่อน
และควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นและในปริมาณที่พอเหมาะ
เครื่องเรือนกระจก-พลาสติก
เครื่องเรือนที่เป็นแก้วหรือกระจก
พลาสติก ในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เพราะพลาสติกมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ได้แก่ มีความเหนียว ทนทาน แข็งแรง น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก และสามารถนำไปหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้ เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติก เช่น จาน ชาม เก้าอี้ และถุงชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
เครื่องเรือนเครื่องใช้ในบ้านที่เป็นแก้วหรือกระจกมีมากมายหลายชนิด
รูปทรงต่างๆจาน ชาม ถ้วย ถาด กระจกเงา โต๊ะกระจก แจกัน โคมไฟแขวนประดับ เป็นต้น ซึ่งอาจทำจากแก้วเรียบ ๆ ธรรมดา หรือมีการแกะสลัก เจียระไนระบายสีให้เกิดลวดลายที่งดงามก็ได้ เครื่องแก้วเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ดี คือ ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย แต่มีข้อเสีย คือ มีความเปราะบาง แตกหักง่าย ดังนั้นจึงต้องรู้จักใช้และระวังรักษาไม่ให้เกิดรอยร้าว เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนาน
เมื่อล้างเครื่องแก้วสะอาดดีแล้ว ควรเก็บใส่กล่อง
ใช้กระดาษหรือเศษผ้าวางคั่นทีละใบกันกระแทก ถ้าเป็นแก้วไม่ควรวางซ้อนกัน จะดึงออกยาก และทำให้แตกได้
เครื่องเรือนที่ทำด้วยพลาสติก
|
พลาสติก ในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เพราะพลาสติกมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ได้แก่ มีความเหนียว ทนทาน แข็งแรง น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก และสามารถนำไปหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้ เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติก เช่น จาน ชาม เก้าอี้ และถุงชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
* สิ่งที่ควรปฏิบัติในการใช้เครื่องใช้พลาสติก *
1. ควรเลือกเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติกใสหรือขาวเพื่อความปลอดภัยจากสีที่เจือปน
2. ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารที่ร้อนจัดเพราะพลาสติกไม่ทนต่อความร้อน อาจเกิดการสลายตัวปะปนเข้าไปในอาหาร
3. ไม่วางเครื่องใช้พลาสติกไว้ใกล้เตาไฟ หรือแหล่งความร้อนอื่น เพราะจะทำให้เกิดการหลอมละลายเสียหาย
วิธีดูแลรักษา
1. ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกใส่ของร้อนจัดจนเกินไป เพราะพลาสติกอาจละลายเสียรูปทรง และเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมี
2. พลาสติกที่มีส่วนผสมของสารโพลีไวนีลคลอไรด์ หรือ พีวีซีใช้ทำขวดหรือของเด็กเล่น เป็นต้น อาจเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมีที่ไม่ควรนำมาใช้บรรจุของเหลวร้อน
3. การล้างทำความสะอาดพลาสติกประเภทเมลามีน ใช้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำผงซักฟอก เช็ดให้แห้ง เก็บเข้าที่
4. ถ้าภาชนะเปื้อนไขมันคราบไคลต่าง ๆ ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น
อย่าใช้ฝอยขัดหม้อที่เป็นโลหะขัด เพราะจะทำให้เป็นรอยขูดขีด
5. ถ้ามีกลิ่นอาหารให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชู หรือใช้เปลือกมะนาวถู แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
การเก็บรักษา
|
เครื่องใช้พลาสติกที่ทำความสะอาดแล้ว
วางซ้อนเก็บในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้ ส่วนเครื่องเรือนวางตั้งในห้องต่าง ๆ
ใช้ผ้าคลุมป้องกันฝุ่นละอองหรือเก็บในห้องเก็บของ
ที่มาhttp://group.wunjun.com/krooboonsongs/topic/13947-348
เครื่องเรือนโลหะ
เครื่องเรือนที่ทำด้วยโลหะ
เครื่องใช้ที่ทำด้วยเหล็ก
เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่ซอง ปลอก
หรือเก็บไว้ในตู้ที่มิดชิด ไม่วางไว้ในที่ลมพัดผ่าน
เพราะความชื้นจะทำให้เกิดสนิม
การเก็บรักษา
เมื่อทำความสะอาดแล้ว ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง เก็บไว้ในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้
การเก็บรักษา
เมื่อทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งแล้ว นำไปเก็บไว้ในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้
·
ใช้งานให้เหมาะสมกับประเภทของเครื่องมือ เช่น มีดสำหรับสับเนื้อ ไม่ควรนำไปฟันไม้ เป็นต้น
·
หลังจากใช้แล้วรีบทำความสะอาดทันที โดยใช้น้ำสบู่ล้างออกจนสะอาด
หากสกปรกมากให้ใช้ฝอยขัดหรือแปรงขัด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
เช็ดให้แห้ง
·
ควรทาน้ำมันเคลือบเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันสนิม
·
อย่าปล่อยให้เครื่องใช้ที่เป็นเหล็กถูกน้ำนาน ๆ หรือแช่น้ำนาน ๆ
เพราะจะทำให้เป็นสนิม ถ้ามีสนิมขึ้น ให้ใช้ฝอยขัดสนิมให้หมด เช็ดให้แห้ง
ใช้น้ำมันทากันสนิม แล้วเก็บเข้าที่
การเก็บรักษา |
2.
เครื่องเงิน เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่ทำด้วยโลหะเงิน
เช่น ชุดน้ำชา ขันเงิน พาน โดยธรรมชาติของเครื่องเงิน
ถ้าถูกอากาศจะเกิดปฏิกิริยา ทำให้เครื่องเงินหมองคล้ำ
การดูแลรักษาควรปฏิบัติ ดังนี้
·
ใช้แล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกทันที
·
ล้างด้วยน้ำยาขัดเงินโดยเฉพาะ หรือน้ำมะนาวผสมสบู่
ขัดให้สะอาด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
·
ใช้น้ำอุ่นผสมสบู่ล้าง แล้วขัดให้สะอาด
·
ห้ามใช้ใยขัดโลหะ หรือฝอยขัดหม้อขัดเครื่องเงิน
เพราะอาจทำให้เป็นรอยขีดข่วน และสึกหรอได้
การเก็บรักษา
เครื่องเงินที่นำมาใช้ เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่ถุง
ใส่กล่อง แล้วนำเก็บเข้าตู้ไม่ให้ถูกอากาศ
3. อะลูมิเนียม
เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักเบา
ไม่เป็นสนิม จัดทำรูปทรงต่าง ๆ ได้ง่าย
มักนำมาทำภาชนะเครื่องใช้ เช่น
หม้อ กระทะ ทัพพี
ถาด ขันน้ำ มีวิธีดูแลรักษาดังนี้
·
ใช้ฝอยขัดหม้อหรือแผ่นขัด ขัดให้สะอาด
แล้วล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ ห้ามใช้สารเคมีที่เป็นกรดอย่างเข้มข้นขัด
·
รอยไหม้บนอะลูมิเนียม ห้ามใช้ไม้หรือเหล็กแคะ
ให้ต้มด้วยน้ำผสมเกลือให้เดือด รอยไหม้จะกะเทาะออกไปเอง
หรือใช้ฝอยขัดหม้อขัด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4. เครื่องแสตนเลส
มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทนความร้อนได้ดี ทนทานต่อความกัดกร่อน
สามารถทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้สะดวก ไม่เป็นสนิม
และดูแลรักษาง่าย นิยมใช้ทำภาชนะหุงต้ม
ภาชนะในการรับประทานอาหาร อุปกรณ์ทำความสะอาด
เช่น อ่างล้างชาม เป็นต้น
วิธีดูแลรักษา ใช้ฟองน้ำชุบน้ำผสมผงซักฟอก
หรือ น้ำยาล้างจานขัดถูให้สะอาดคว่ำไว้
แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
เมื่อทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งแล้ว นำไปเก็บไว้ในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้
การใช้และการดูแลรักษาเครื่องเรื่อน
การใช้และการดูแลรักษาเครื่องเรือน
เครื่องเรือนเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ช่วยตกแต่งภายในบ้านให้สวยงาม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ชุดรับแขก เป็นต้น ในการทำความสะอาดเครื่องเรือนระวังอย่าให้เกิดรอยขีดข่วน ดังนั้นในการปัดฝุ่นควรใช้ไม้กวาดขนไก่หรือผ้านุ่ม และถ้าจะต้องล้างหรือขัดสิ่งสกปรกไม่ควรใช้ฝอยขัด ดังนั้น เพื่อให้อายุการใช้งานของเครื่องเรือนได้ยาวนาน ควรดูแลรักษาให้ถูกวิธีตามลักษณะและชนิดของวัสดุ
เครื่องเรือนที่ทำด้วยไม้
วิธีดูแลรักษา
ใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออกให้หมด ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูที่สะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด
เช็ดฝุ่นให้สะอาดทุกซอกทุกมุม ทิ้งให้แห้ง
หากมีรอยเปื้อนมาก ๆ ขัดออกด้วยกระดาษทราย
ทาขี้ผึ้งแล้วขัดด้วยผ้าแห้ง หรือใช้น้ำยาชักเงาที่ขายสำเร็จรูปฉีดแล้วทิ้งให้แห้ง
ไม่ควรให้เปียกน้ำ
เครื่องเรือนที่ทำจากไม้ เมื่อทำความสะอาดแล้วควรผึ่งให้แห้งสนิทเสียก่อน
แล้วจึงนำมาเก็บหรือตั้งไว้ในที่แห้ง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นสูง
เพราะจะทำให้ขึ้นราได้ง่าย
เครื่องเรือนที่ทำด้วยหนัง
เครื่องเรือนที่ทำจากหนังมี 2 แบบ คือ
แบบหนังเรียบธรรมดา และแบบหนังกลับ
ใช้ทำชุดรับแขก กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด มีวิธีดูแลรักษาตามชนิดของเครื่องหนัง
ดังนี้
1. เครื่องหนังธรรมดา
ให้ทำความสะอาดด้วยการใช้แปรงอ่อน ๆ ปัดฝุ่น หรือสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อน แล้วใช้เศษผ้า
ฟองน้ำ หรือแปรงขัดหนัง ขัดให้ทั่ว ต่อจากนั้นให้เช็ดออกด้วยผ้านุ่ม
ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วเก็บเข้าที่
2. หนังกลับ
ทำความสะอาดด้วยการปัดฝุ่นละออง โดยใช้แปรงปัดฝุ่นให้ชนลู่ไปทางเดียวกันเพื่อให้สวยงาม
และระวังอย่าให้ถูกความชื้นและความร้อน เพราะจะทำให้เสียรูปทรง
การเก็บรักษา
เมื่อทำความสะอาดแล้วควรเก็บใส่กล่อง
ถุงผ้า หรือเก็บไว้ในตู้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)